Customer Reviews

Money Fitness เพิ่มหลังแกร่งให้การเงิน
5
รู้สึกว่าอ่านแล้วมีประโยชน์จริงๆค่ะ
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558

ได้หนังสือเล่มนี้มาจากพี่ชายค่ะ พี่ชายไปสัมมนามาก็เลยมาแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้เราอ่านค่ะ
“สภาพคล่องดี - ปลอดหนี้จน - พร้อมชนความเสี่ยง - มีเสบียงสำรอง - สอดคล้องเกณฑ์ภาษี – บั้นปลายมีทุนเกษียณ” นี่คือสิ่งที่คุณจะได้อ่านในหนังสือ MONEY FITNESS เพิ่มพลังแกร่งให้การเงิน ผลงานของ THE MONEY COACH จักรพงษ์ เมษพันธุ์ เป็นคู่มือบริหารการเงินสำหรับคนทั่วไป ที่เน้นอ่านเข้าใจง่าย ทำได้จริง จุดประกายให้คนอ่านลุกขึ้นมาดูแลเรื่องการเงินของตัวเองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว อาจด้วยเพราะตัวผู้เขียนมีประสบการณ์จริงในการเป็นโค้ชการเงินมากว่า 7 ปี จึงมีความสามารถในการเขียนอธิบายให้เราเข้าใจง่าย ไปตามขั้นตอนทีละขั้น รู้สึกว่าอ่านไม่ยากเลยค่ะเล่มนี้ ตัวหนังสือไม่เยอะมาก มีการย้ำ keyword เพื่อช่วยจำให้เราอีกด้วย และมีกรณีศึกษาที่เป็นเรื่องจริงมาเล่าและแบ่งปันในหนังสือหลายเรื่อง มีคำคมด้านการเงินให้เราได้คิดตามแทรกอยู่เรื่อยๆ
ถ้าจะให้จำกัดความ หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการบริหารเงินให้มีความสุข หนังสือไม่ได้เน้นให้เราต้องรวย แต่บอกให้เรารู้จักวิธีใช้ วิธีเก็บ วิธีวางแผนเพื่อวันข้างหน้า เพื่อไม่ให้เรื่องเงินๆทองๆเป็นเรื่องที่จะมาสร้างความกังวลให้กับชีวิตของเรา
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของหนังสือเล่มนี้คือตัวผู้เขียนค่ะ ผู้เขียนมีความน่าเชื่อถือเพราะเป็นโค้ชให้ความรู้ด้านการเงินโดยตรง และเป็นผู้ก่อตั้งชมรมพ่อรวยสอนลูกแห่งประเทศไทย โดยส่วนตัวรู้สึกว่าหนังสือให้ประโยชน์จริง และจะเป็นประโยชน์มากกว่านี้ถ้าได้ลงมือทำค่ะ
แพ็กกระเป๋าไปภาวนา
3
เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากไปปฏิบัติธรรมค่ะ
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 06 มกราคม พ.ศ. 2558

จำได้ว่าเมื่อตอนเรายังเด็ก มีวิชาบังคับที่ต้องเรียนคือวิชาพระพุทธศาสนา เรียนหลายอย่างทั้งท่องจำบทสวดมนต์ เรียนรู้คำสอน เรียนรู้ประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพุทธสาวก และที่ขาดไม่ได้เลยคือการฝึกปฏิบัติธรรมด้วยการ “ฝึกนั่งสมาธิ” อันนี้ต้องทำทุกต้นคาบเรียนวิชานี้เลย เวลาล่วงผ่านไปจนเราโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องเจอเรื่องวุ่นวายเดือนร้อนใจสารพัดมากกว่าตอนเป็นเด็กเยอะ แต่เรากลับห่างเหินการฝึกจิตด้วยธรรมะที่เคยเรียนมาไปซะนี่ (เฮ้อ...)
เมื่อมีความคิดอยากหลบชีวิตวุ่นวายไปพักจิต หลายคนคงเป็นเหมือนกันว่าไม่รู้จะไปที่ไหน ต้องสมัครก่อนไหม ต้องใช้เวลากี่วัน เค้าต้องทำอะไรกันบ้าง โอ้...หลายคำถาม คิดว่าหนังสือ “แพ็กกระเป๋าไปภาวนา” เล่มนี้คงจะพอตอบได้ เพราะมีการสรุปรวมถึงการเตรียมตัวก่อนจะไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆไว้ และได้คัดเลือกสถานปฏิบัติธรรมมาแนะนำไว้ในเล่มถึง 51 แห่ง แบ่งไปตามภาคต่างๆ พร้อมข้อมูลและภาพประกอบ ที่น่าตื่นเต้นก็คือมีสถานปฏิบัติธรรมอยู่ในกรุงเทพฯที่วุ่นวายนี้อยู่ตั้งหลายแห่งแน่ะ! (ตื่นเต้นจริง เพราะไม่เคยรู้มาก่อน) และคอร์สสั้นๆใช้เวลา 2-3 วันก็มี หรือบางแห่งก็มีจัดโครงการให้เรียนธรรมะแบบเช้าไปเย็นกลับในหนึ่งวันได้ด้วย สถานที่ๆแนะนำไว้ในหนังสือนั้นดูรูปและข้อมูลแล้วค่อนข้างจะมีความสะดวกสบายพอสมควร ทั้งในด้านที่พัก อาหาร ที่จอดรถ จึงเหมาะสมกับมือใหม่ที่จะเริ่มไปภาวนาด้วย
อย่าเพิ่งคิดว่าการไปปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของคนแก่ เพราะสมัยนี้คนให้ความสนใจกันเยอะ บางแห่งต้องสมัครล่วงหน้ากันเป็นเดือนทีเดียว หนังสือเล่มนี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่อยากไปปฏิบัติธรรมทุกท่านค่ะ
ความสุขของขนม
5
อ่านเพลินจังค่ะ เพลินทั้งขนมทั้งความทรงจำของผู้เขียนค่ะ
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 05 มกราคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มบางๆ ปกสีหวานๆน่ารักๆ อ่านเพลินจบเร็ว และมักจะขายไม่ค่อยดี(555) แหม ก็ไม่รู้ว่าความเรียงเกี่ยวกับเรื่องขนมนี่มันเฉพาะกลุ่มไปหรือไร ยอดขายจึงมักไปได้ไม่ดี เราที่เป็นคนชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับอาหารจึงอยากสนับสนุนหนังสือแนวนี้อย่างเต็มที่ ใครที่บอกว่าเรื่องพวกนี้อ่านแล้วไม่ได้สาระอะไร ก็ขอเถียงขาดใจ ว่ามันมีทั้งความสุข ความทรงจำ รวมไปถึงวัฒนธรรมอยู่ในนั้นด้วย
หนังสือ "ความสุขของขนม" เล่มนี้จึงได้ทำหน้าที่สร้างรอยยิ้มและความอิ่ม(ใจ)ให้แก่ผู้อ่านอย่างดิฉัน จนอยากจะเปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น “ความสุขของ(คนกิน)ขนม” แทน คุณอรรถ บุนนาคได้ถ่ายทอดเรื่องราวน่ารักๆ โดยพาย้อนกลับไปตั้งแต่วัยเด็ก ที่เราเห็นขนมเป็นขุมทรัพย์อันมีค่า ในหนังสือมีขนมญี่ปุ่น (ผู้เขียนเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น) หลากหลายชนิดชวนเชิญให้เราลิ้มลอง มีทั้งเสน่ห์ ความคิดประดิดประดอยแบบคนญี่ปุ่น การกินที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม ทำเอาขนมเหล่านี้เป็นดังงานศิลปะ อ่านแล้วรู้สึกไปแล้วเรียบร้อยว่ารสชาติมันจะต้องอร่อยแน่ๆ ส่วนตัวแล้วชอบภาษาของผู้เขียน อ่านเพลิน หยิกแกมหยอก และถ่ายทอดอย่างคนรู้จริง และยังชอบภาพวาดประกอบที่เป็นภาพขนมต่างๆวาดด้วยสีน้ำ ดูน่ารักมากๆ จริงๆแล้วขนมไทยของเราก็มีความเป็นมา มีเรื่องราวน่าสนใจ มีขั้นตอนวิธีการทำที่ประณีต ถ้าได้มีการนำเสนอให้อ่านง่ายแบบนี้บ้างคงน่าสนใจไม่น้อย
สำหรับใครที่อ่านแล้วหิว ผู้เขียนมีแนะนำร้านให้ตามไปทำความรู้จักกับขนมเหล่านี้ได้ แต่ถ้าอยากสนุกกับการจินตนาการรสชาติ แนะนำให้เปิดอ่านเล่มนี้ก่อนเลยค่ะ^^
10 สัปดาห์เปลี่ยนขาให้เรียวสวยสไตล์เกาหลี
4
อยากขาเรียว เปิดอ่านเลยค่ะ!
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 05 มกราคม พ.ศ. 2558

ในยุคสมัยของแฟชั่นนุ่งสั้น สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายย่อมปรารถนาเรียวขาอันงดงาม อยากขาสวยเป็นเกิร์ลกรุ๊ปด้วยกันทั้งนั้นแหละ คอนเซ็ปต์ของหนังสือเล่มนี้จึงเป็นการทำกายบริหารเพื่อขาเรียวสวยภายใน 10 สัปดาห์ ในฐานะที่เราเป็นคนขาใหญ่มาทั้งชีวิตเลยต้องพลิกอ่านเนื้อหาด้านในสักหน่อย(55)
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณหมอชาวเกาหลี (ดินแดนแห่งหญิงงามและขาเรียว) เป็นแพทย์แผนตะวันออกผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดและโรคอ้วน และเปิด “คลินิกรักษาขาโก่ง” อยู่ในย่านกังนัม หนังสือจึงไม่ได้มุ่งเน้นที่จะลดไขมันอันอวบอัดที่ขา แต่เป็นการปรับเรียวขาให้ตรงได้รูปเพื่อสุขภาพ(แต่แน่นอนว่าจะสวยด้วย) ซึ่งหนังสือจะบอกให้เราสำรวจขาของตัวเองซะ ขาโก่งเป็นปัญหาสุขภาพนะ และเริ่มเข้าสู่ท่ากายบริหารตามโปรแกรม 10 สัปดาห์ ที่มีภาพประกอบและคำบรรยายที่ละเอียดดีทีเดียว เสริมด้วยท่าบริหารกระชับบั้นทาย อันจะส่งเสริมให้เรียวขาของเราดูระหงมากยิ่งขึ้น หนังสือยังได้สไตล์ลิสต์ชื่อดังมาแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตัวเพื่อช่วงพรางจุดเด่น โชว์จุดเด่น ให้กับรูปร่างของคุณ และปิดท้ายด้วยการแนะนำท่านั่งท่ายืนในชีวิตประจำวันที่ถูกต้องอีกด้วย
เล่มนี้เหมาะสำหรับสาวๆที่เน้นกายบริหารเพื่อเรียวขาโดยเฉพาะเจาะจงค่ะ โดยส่วนตัวชอบภาพประกอบที่สวยงามและแสดงท่าออกกำลังกายแบบชัดเจน ท่ากายบริหารดูไม่ยากเกินความสามารถ แต่นั่นแหละค่ะ หนังสือ How to กายบริหารแบบนี้คงใช้ไม่ได้ผล หากเราอ่านอย่างเดียวแต่ไม่ลุกขึ้นมาปฏิบัติตาม ฉะนั้นใครจะซื้อหนังสือแนวนี้ต้องตั้งใจจริงนะคะ^^
101 เคล็ดลับ สมองดี ไม่มีเสื่อม
4
มีประโยชน์ เหมาะกับคนรักสุขภาพ อยากดูแลตัวเองแต่เนิ่นๆค่ะ
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วันนี้มีหนังสือที่แปลจากภาษาญี่ปุ่นมาแนะนำค่ะ คงจะพอทราบกันอยู่แล้วว่าชาวญี่ปุ่นเป็นคนที่เอาใจใส่ในเรื่องสุขภาพมากประชากรญี่ปุ่นมีอายุยืนโดยที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจศึกษาว่าคนญี่ปุ่นเขาทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน
หนังสือ “101 เคล็ดลับสมองดีไม่มีเสื่อม” เขียนโดยศาสตราจารย์ชิราซาวะ ทาคุจิ เป็นศาสตราจารย์เวชศาสตร์ชะลอวัย คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยจุนเทนโด และยังเป็นประธานสมาคมเวชศาสตร์ชะลอวัยของญี่ปุ่นอีกด้วย หนังสือเกิดจากความตั้งใจของผู้เขียนที่จะแสดงให้เห็นว่าคนที่มีอายุมากถึงขนาดเกินร้อยปีก็ยังมีสุขภาพแข็งแรง สมองไม่เลอะเลือน และสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ ซึ่งวิธีการใช้ชิวิตให้สามารถเป็นเช่นนั้นได้ถูกอธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้
หนังสือแบ่งเป็น 3 บทใหญ่ๆ คือ หมวดอาหาร หมวดการใช้ชีวิต และหมวดกายบริหาร แต่ละหมวดจะมีบทความสั้นๆที่เชื่อแน่ว่าเราสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก เพียงแต่มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติเท่านั้น และมีข้อมูลและผลการวิจัยต่างๆมาอธิบายประกอบด้วย
หมวดอาหาร มีบทความย่อยอยู่ 46 เรื่อง แนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร เช่น ควรรับประทานแอ๊ปเปิ้ลทั้งเปลือก เพราะสารโพลีฟีนอลจะอยู่ใต้เปลือกแอ๊ปเปิ้ล คนอินเดียไม่ค่อยเป็นโรคอัลไซเมอร์ เพราะรับประทานแกงกะหรี่เป็นประจำ ซึ่งในนั้นมีสารเคอร์คูมินที่สามารถควบคุมการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ เป็นต้น
หมวดการใช้ชีวิต มีบทความย่อยอยู่ 36 เรื่อง แนะนำเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน เพื่อสมองที่กระปรี้กระเปร่า เช่น การอ่านหนังสือออกเสียง ทำให้สมองหลายส่วนได้ทำงาน เป็นวิธีป้องกันความชราอย่างหนึ่ง การสูบบุหรี่คือศัตรูตัวฉกาจของการต้านความชรา เพราะบุหรี่จะทำลายวิตามินซีทำให้การสูญเสียคอลลาเจนของผิวหนังขยายเป็นวงกว้าง เป็นต้น
หมวดกายบริหาร มีบทความย่อยอยู่ 19 เรื่อง แนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายชะลอความชรา เช่น การฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายท่อนล่างด้วย “สโลปปิ้ง” การบริหารคอทำให้เราดูเด็กกว่าใคร! เป็นต้น
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้น และยังมีเรื่องที่น่าสนใจพร้อมข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกหลายเรื่องทีเดียว การเล่าเรื่องเป็นบทความสั้นๆทำให้เรารู้สึกอ่านง่ายค่ะ และไม่จำเป็นต้องอ่านต่อกันให้จบในทีเดียว อ่านจบเรื่องหนึ่งพักไปทำอย่างอื่นแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อก็ไม่เสียอรรถรส ถึงจะมีผลวิจัยหรือผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หนังสือก็เขียนอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย มีภาพประกอบแทรกบ้างประปราย
เมื่อเราแก่ตัวลงไปเรื่อยๆ เราคงไม่อยากเป็นคนแก่ขี้โรค จำอะไรไม่ได้ใช่ไหมคะ ฉะนั้นเราต้องเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อรักษาความเยาว์วัยให้อยู่กับสมองและหัวใจเราไปนานๆค่ะ^^
4
ขนมน่ากิน ร้านน่านั่งเพียบค่ะ!
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ทีมงานนิตยสารสุดสัปดาห์รวบรวมร้านขนมหวานทั่วกรุงเทพฯมาอยู่ในหนังสือเล่มเล็ก พิมพ์สี่สี ขนมหน้าตาน่ากิ๊น...น่ากิน เล่นเอาระดับน้ำตาลในเลือดแทบพุ่งกันเลยล่ะ จริงๆหนังสือแนะนำร้านขนมก็มีอยู่หลายเล่มในท้องตลาด แต่ต้องบอกว่าเล่มนี้นอกจากเนื้อหาแล้วน่าจะโดดเด่นที่ดีไซน์ รูปสวย และมีลูกเล่นในหน้าหนังสือที่ใส่ลวดลายสีสันที่แตกต่างกันให้ดูสนุกด้วยน่ารักด้วย
หนังสือจะแบ่งกรุงเทพฯเป็น 13 โซน หน้าแรกของแต่ละโซนจะเป็นแผนที่โชว์ให้เห็นร้านแนะนำของโซนนั้น ตามด้วยการแนะนำทีละร้าน พร้อมคำบรรยายถึงแต่ละร้านแบบสั้นๆ เด่นที่รูปเมนูขนมไฮไลท์รูปใหญ่ๆน่ากินอย่าบอกใคร พร้อมคำบรรยายรสชาติไว้ให้เสร็จสรรพ ชวนจิ้น(จินตนาการ)มาก วาไรตี้ของขนมที่เอามาแนะนำในเล่ม มีทั้งเมนูขนมเค้ก ขนมอบ ไอศกรีม น้ำแข็งไส แค่อ่านเฉยๆยังไม่ได้กินยังรู้สึกแฮปปี้ขึ้นมาเลย ช่วงต้นของหนังสือยังมีการให้ Celeb หลายๆคนมาพูดถึงความทรงจำเกี่ยวกับขนมแสนอร่อยที่บ่งบอกถึงสไตล์ในการรับประทานของหวานของโปรดของแต่ละคนอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้มีความยาวเพียง 119 หน้า เน้นรูปสวยๆ ตัวหนังสือไม่ต้องเยอะแต่อ่านแล้วฟินซะ บวกกับกราฟฟิกดีไซน์สดใสน่ารัก เหมาะกับการมีติดบ้านติดรถเผื่อไว้ในวันที่อยากเติมความหวานมันให้ชีวิต แบบไม่ต้องเสียเวลาไปหาอ่านรีวิวในเว็บ เพราะเล่มนี้รวมมาให้แล้ว ใครชอบรับประทานขนมหวาน ใครไม่ชอบอ่านตัวหนังสือเยอะๆ มีเก็บไว้เถอะค่ะ ไม่ผิดหวังแน่ๆ
50 ร้านอร่อยสุดๆในฮ่องกง
4
ผู้เขียนมีเว็บไซต์เกี่ยวกับท่องเที่ยวฮ่องกงค่ะ ข้อมูลดี น่าเชื่อถือ
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ลุงเด้งกับป้าไก่ ผู้ชำนาญการท่องเที่ยวฮ่องกง เจ้าของเว็บไซต์ HongKongFanClub.com (HKFC) กับหนังสือที่ถ่ายทอดเสน่ห์หลักของฮ่องกง นั่นก็คือเรื่องของอาหารการกินนั่นเอง ฮ่องกงที่รู้กันดีว่าเป็นแดนสวรรค์ของนักช้อป จริงๆแล้วมีร้านอาหารรสเด็ดอร่อยล้ำอยู่เพียบ 50 ร้านที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้คือร้านที่ลุงเด้งกับป้าไก่คัดมาแล้วว่าอร่อยจริง จากประสบการณ์การเดินทางไปฮ่องกงมาแล้วกว่า 40 ครั้ง สำหรับใครที่คิดจะไปเที่ยวฮ่องกงแบบไม่ได้มุ่งเน้นจะชอปปิ้งอย่างเดียว แต่อยากจะลองไปสัมผัสวัฒนธรรมการกินของคนฮ่องกงแท้ๆด้วย เล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่คุณควรเปิดอ่านค่ะ
คนฮ่องกงเขาทานอะไรกันบ้าง ลุงเด้งกับป้าไก่มาไขข้อข้องใจอันนี้ให้เราเป็นอย่างแรก ว่าเมนูสุดฮิตในแต่ละมื้อของเขาคืออะไร ก่อนจะเริ่มแนะนำร้านอาหารอร่อยไปทีละย่าน พร้อมแผนที่ประกอบ ร้านที่นำมาแนะนำมีตั้งแต่ร้านริมถนนไปจนถึงระดับภัตตาคาร บางร้านเป็นที่นิยมของคนฮ่องกงถึงขนาดต้องต่อแถวเข้าคิวรอ เมนูที่นำมาเสนอมีหลากหลายทั้งคาวหวาน บอกสนนราคาไว้เป็นเหรียญ สำหรับให้เราคำนวณงบที่มีในกระเป๋าได้ง่ายๆ มีวันเวลาเปิดปิดร้าน และบอกเทคนิคให้ด้วยสำหรับบางร้านที่จะมีการลดราคาในบางช่วงเวลาหรือมาวันธรรมดาจะถูกกว่าวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งจะทำให้เราเสียเงินถูกลงแต่ยังได้ลิ้มรสของอร่อยเหมือนเดิม เมนูแนะนำของแต่ละร้านก็ดูน่ากินด้วยภาพสี่สีสวยๆ พร้อมภาพบรรยากาศในร้านและบรรยากาศของผู้คนในย่านร้านตลาดแถวนั้น ได้อารมณ์ความเป็นฮ่องกงดี ปิดท้ายลุงเด้งกับป้าไก่ยังมีสอนภาษาจีนกวางตุ้งที่ใช้ในร้านอาหารสำหรับตะเวนอิ่มอร่อยทั่วฮ่องกงอีกด้วยค่ะ
5
รวบรวมข้อมูลมาดีมากค่ะ ใครอยากรู้เกี่ยวปกรณัม เล่มนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 24 กันยายน พ.ศ. 2557

"เทวดาฝรั่ง กรีก-โรมัน" โดย อ.สายสุวรรณ จำได้เลยว่าชื่อนี้เป็นหนังสือที่เราเคยอ่านสมัยเป็นนักเรียน หนังสือเล่มหนา เข้าปกแข็งแบบหนังสือห้องสมุด สภาพเปื่อยเล็กน้อยเหมือนผ่านมาแล้วหลายมือ แต่อ่านแล้วสนุกอย่างกับหลุดเข้าไปในขุนเขาโอลิมปัส^^ เวลาผ่านไปเป็นสิบปีไม่น่าเชื่อว่าจะมีโอกาสได้เจอหนังสือเล่มนี้อีกครั้ง เมื่อสำนักพิมพ์อมรินทร์นำหนังสือเล่มนี้มาพิมพ์ใหม่ และยังมีการสอบทานแก้ไขและเพิ่มภาพประกอบเข้าไปด้วย หนังสือจึงดูสวยงามกว่าเวอร์ชั่นที่เคยได้อ่านในห้องสมุดมากมายนัก

เห็นที่ปกหลังของหนังสือเขียนบอกไว้ว่าหนังสือจัดอยู่ในหมวดปรัมปราวิทยา เออ... เราก็เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อหมวดนี้ก็คราวนี้แหละครั้งแรก แต่ไม่ว่าจะเรียกเรื่องราวนี้ว่าเป็นนิทานปรัมปรา เทพนิยาย หรือปกรณัม เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อและรู้จักเรื่องราวของเหล่าเทพและวีรบุรุษเชื้อสายกรีก-โรมัน กันมาแล้วไม่มากก็น้อย อย่างเบสิกๆ ถ้าถึงวันวาเลนไทน์ก็ต้องรู้จักคิวปิด เทพแห่งความรัก ยังมีเทวีโฉมงามวีนัส หรือไม่ก็ต้องรู้จักเฮอร์คิวลิส ธอร์ เทพสายฟ้า เจสันกับขนแกะทองคำ หรือศึกม้าไม้กรุงทรอย จากในภาพยนตร์ฮอลลีวูด เรื่องราวเหล่านี้มีมากมายหลายเรื่อง จินตนาการลึกล้ำ ชวนตื่นตาตื่นใจ และประหลาดๆบ้างก็มี(เยอะ)

จุดเด่นของหนังสือ "เทวดาฝรั่ง กรีก-โรมัน" โดย อ.สายสุวรรณ เล่มนี้น่าจะเป็นความครบครันของข้อมูลที่จัดเต็มมาให้ผู้ที่สนใจ ด้วยความหนาถึงสามร้อยกว่าหน้า ทำให้เราเห็นถึงความตั้งใจของ อ.สายสุวรรณ ในการรวบรวมข้อมูลที่เยอะมากนี้จากหลายที่มาจัดลำดับ จัดกลุ่มให้เป็นบทๆ เพราะถ้าถ้าเรียบเรียงไม่ดีเรื่องจะกระโดดไปมา และทำให้เรางงได้ง่ายๆ จับตั้งแต่เรื่องการสร้างโลกและกำเนิดทวยเทพมาเป็นลำดับไป มีทั้งเรื่องที่เราอาจได้ยินได้ฟังมาบ้าง แต่ฉบับนี้น่าจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด และบางเรื่องก็อาจจะยังไม่เคยรู้จากที่ใดมาก่อน ภาษาที่ใช้ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ และบอกไว้เลยว่าตัวหนังสือเยอะ(มาก)ค่ะ ไม่ใช่เป็นหนังสือประเภทอ่านเล่น ถ้าไม่มีใจให้เรื่องแนวนี้ก็อาจจะอ่านให้จบเล่มยากอยู่ค่ะ

ตำนานของเหล่าเทวะเหล่านี้ล้วนแต่พิสดารพันลึก แต่ก็สามารถสะท้อนภาพของคนในยุคอดีต เป็นที่มาของการสร้างสรรค์ศิลปะอันงามวิจิตร ทั้งสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และประติมากรรมอันมีชื่อเสียงต่างๆมากมาย ถึงเวลาจะผ่านมานานแต่ตำนานก็ยังคงมีชีวิตชีวา ถ้าคุณอยากรู้อยากศึกษาเกี่ยวกับปกรณัมกรีก-โรมัน เล่มนี้คือเล่มที่ตอบโจทย์ อ่านแล้วได้ความรู้อย่างแน่นอนค่ะ
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ALEX FERGUSON (ปกอ่อน)
4
น่าเก็บ น่าอ่าน ไม่ว่าจะเป็นแฟนผีหรือไม่ก็ตาม
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 23 กันยายน พ.ศ. 2557

27 ปีเป็นเวลาที่ยาวนานในการทำบางสิ่งบางอย่างหรือทำงานอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แต่ 27 ปีคือช่วงเวลาที่ผู้ชายคนหนึ่งทำให้สโมสรฟุบอลสโมสรหนึ่งก้าวสู่จุดสูงสุด และทำให้เขากลายเป็นตำนานคนหนึ่งของวงการฟุตบอลเกาะอังกฤษ หรือแทบจะเรียกได้ว่าของโลกก็ได้นะ ---เขาคนนี้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
หลังจากที่อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซอร์ก็มีผลงานหนังสือเล่มนี้ เขาเขียนในบทนำว่าตัวเขาเป็นนักอ่านตัวยง จึงอยากเขียนหนังสือสักเล่มที่เล่าเรื่องชวนพิศวงในชีวิตการทำงานของเขา ทันทีที่หนังสือวางแผงที่อังกฤษก็ขึ้นอันดับ Bestseller อย่างรวดเร็ว และกระแสข่าวในแง่ที่ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการเขียน “แฉ” นักเตะหลายคนที่เคยเป็นลูกทีมของเขาก็ตามา แต่ช่วยไม่ได้จริงๆเพราะแต่ละคนแต่ละเรื่องที่ถูกเขียนถึงนั้นก็เป็นเรื่องสุด exclusive ที่เราเองก็อยากรู้ มันเป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นได้อ่านเรื่องของพวกเขาแบบที่นอกเหนือจากในสนาม
หนังสือมีทั้งหมด 25 บท และอาจจะเรียกว่าเป็น “ขนบ” ของหนังสืออัตชีวประวัติ คือถ้าจะถามว่าพล็อตเรื่องดี หนังสือสนุกไหม ก็อ่านจะตอบยากอยู่ แต่ที่เรารู้สึกก็คือหนังสือมันอัดแน่นไปด้วยความทรงจำ มุมมอง และความรู้สึก ขนาดเรายังรู้สึกว่าทำไมท่านเซอร์ช่างจดช่างจำอะไรต่อมิอะไรได้เยอะขนาดนี้^^ นักเตะทุกคนที่เขาเขียนถึงไม่ว่าจะเขียนแบบยกมาเป็นบท หรือพูดถึงแทรกในบทอื่นๆ มันแสดงออกถึงสายสัมพันธ์ของพวกเขา การเผชิญหน้ากับเกมนัดสำคัญต่างๆที่ถูกถ่ายทอดไว้ในหนังสือแสดงให้เห็นชั้นเชิงการบริหารทีม ซึ่งร่วมถึงการบริหารคนเข้าไปด้วย และนอกจากเพื่อนร่วมงานและบรรดานักเตะของแมนยูแล้ว ยังมีความน่าสนใจในช่วงที่เขาพูดถึงคู่แข่งคนสำคัญอย่าง มูรินโญ แวงเกอร์ และการรับมือกับลิเวอร์พูล ในเล่มยังมีหน้าหนึ่งที่เป็นรูปทีมนักเตะบาร์เซโลนา ชุดปี 2011 ที่เซอร์กล่าวว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาด้วย เรื่องบางส่วนเซอร์ได้กล่าวถึงครอบครัวที่รักของเขา ซึ่งเป็นอีกมุมหนึ่งที่เราแทบจะไม่ได้เห็นของผู้ชายคนนี้ ภาพประกอบหลายๆภาพเป็นภาพที่เราแทบไม่เคยได้เห็น (สีสวยดี ชอบ) และสำนวนการแปลก็ไหลลื่นน่าชื่นชมค่ะ
ถ้าคุณเป็นแฟนของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก นอกจากบอกว่าให้ซื้อซะ แต่ถ้าคุณไม่ใช่หนังสือเล่มหนึ่งจะให้มุมมองและความรู้สึกของคนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งจะพึงถ่ายทอดให้ได้ จากผู้ชายคนหนึ่งที่ตอนนี้ถือเป็น “ตำนาน” ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
เสกปุ๊บ สวยปั๊บ สไตล์เกาหลี
5
คู่มือแต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลีที่ละเอียด รูปสวย อ่านเพลิน น่าเก็บเป็นคู่มือวางไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งค่ะ
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 23 กันยายน พ.ศ. 2557

อุปกรณ์กายสิทธ์ของแฮรี่ พอตเตอร์ หรือจะมาสู้เวทมนตร์ที่สามารถเนรมิตสาวหน้าบ้านๆให้กลายมาเป็นสวยเจิด เวทมนตร์ที่ไม่ต้องเจ็บตัวกับมีดหมอ และคุณสามารถร่ายมนตร์นั้นได้เอง เพียงแค่รู้จักเทคนิคและฝึกฝนจนชำนาญ เวทมนตร์ที่ว่านั้นคือเวทมนตร์ของ "เครื่องสำอาง" นั่นเองค่ะ!
ก็จะมีผู้หญิงคนไหนล่ะที่ไม่อยากสวย ยิ่งถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องเป็นแนวสวยใสสไตล์เกาหลี และหนังสือ "เสกปุ๊บ สวยปั๊บ สไตล์เกาหลี" เล่มนี้ก็ได้รับการโปรโมทว่าเป็นสุดยอดเคล็ดลับที่สาวๆทุกคนอยากรู้ ถ่ายทอดโดยเมคอัพอาร์ติสท์และบล็อกเกอร์สาวคนดังชาวเกาหลีตัวจริงที่ชื่อ พักฮเยมิน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pony เมคอัพคลาสในบล็อกของเธอนั้นมียอด view ถล่มทลาย ได้รับการกล่าวขวัญถึงทั้งในเกาหลีและประเทศจีน และเธอก็จะมาถ่ายทอดเทคนิคต่างๆของเธอลงในหนังสือเล่มนี้!
หนังสือเล่มนี้มีอะไรบ้าง?
-ก็มีตั้งแต่ขั้นพื้นฐานคือการแต่งหน้าตามรูปหน้าแบบต่างๆ มีภาพพร้อมคำบรรยายแบบละเอียด
-ทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวปรับสภาพผิวก่อนแต่งหน้า ไพร์เมอร์ ทินต์มอยเจอร์ไรเซอร์ เมคอัพเบส เหมือนหรือต่างกัน แล้วต้องลงอะไรก่อนหลังหล่ะ
-คอนซีลเลอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว วิธีอำพรางจุดบกพร่องบนใบหน้า
-แป้งจ้าแป้ง แป้งนั้นมีหลายแบบ อันไหนใช้ยังไงมาดูกัน
-เฉดดิ้งและไฮไลท์ จมูกโด่ง หน้าเรียวเล็ก ประมาณนี้!
-เทคนิคปัดแก้มแบบต่างๆ
-เทคนิคเขียนตากับสารพัดอายไลเนอร์
-เขียนคิ้วให้สวย
-วิธีเลือกมาสคาร่าให้เหมาะกับดวงตา วิธีปัด + การใช้ขนตาปลอม และการใช้อุปกรณ์แต่งตาต่างๆ
-จากนั้นจะเป็นตัวอย่างการแต่งหน้าแบบต่างๆค่ะ โดยจะแบ่งเป็น 4 chapters ตามฤดูกาล คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
-การทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า และล้างเครื่องสำอางออกจากหน้าของเราเองจ้า^^
ถามว่าอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คืออย่างแรกประทับใจในความละเอียด ข้อมูลละเอียดมาก แต่แบ่งตามบท อ่านแล้วไม่งง อย่างถัดมาภาพสวยมาก คือช่วงที่เป็นตัวอย่างการแต่งหน้าแบบต่างๆ มันทำให้เห็นว่าแต่งหน้าต่างกันก็ทำให้ลุคเราเปลี่ยนไปจริงๆ เราที่แต่งหน้าไปทำงานแบบเดิมๆทุกวัน(เพราะคิดไม่ออกว่าจะแต่งอย่างอื่นยังไง) อ่านแล้วรู้สึกความคิดสร้างสรรค์ อยากแต่งหน้าแบบอื่นๆขึ้นมาบ้าง เค้าจะมีบอกว่าแต่งหน้าแบบนี้ต้องใช้เครื่องสำอางอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละแบบก็ใช้เครื่องสำอางไม่เยอะ แต่แต่งมาแล้วสวยทุกแบบเลย เราถือว่านี่เป็นคู่มือที่ดีมากสำหรับสาวๆ ลองเปิดอ่านดูเถอะค่ะ เราเชื่อว่าสาวๆต้องชอบ!
4
เหมาะสำหรับมือใหม่ คนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำกับข้าวกินเอง แต่คิดอยากเข้าครัวบ้าง รวบรวมเมนูที่ทำง่าย อร่อย และสะดวก
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 23 กันยายน พ.ศ. 2557

ใครที่กำลังมองหาหนังสือทำอาหารที่ทำง่าย ทำได้แม้กระทั่งเป็นมือใหม่ แนะนำเล่มนี้เลยค่ะ "Quick & Delicious" เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนเมืองที่ไม่ค่อยได้ทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน เนื่องจากความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน ต้องอาศัยความสะดวกรวดเร็วของอาหารสำเร็จรูปนำไปอุ่นไมโครเวฟ พวกกับข้าวถุงพลาสติก หรืออาหารตามสั่งใส่กล่องโฟมเป็นหลัก เล่มนี้จึงมาแนะนำอาหารที่ไม่ต้องใช้ทำเวลานานหรือมีขั้นตอนยุ่งยาก ส่วนหนึ่งเป็นการรวบรวมมาจากสูตรอาหารในนิตยสาร Health & Cuisine มีทั้งเมนูอาหารว่าง น้ำซุป อาหารจานเดียว กับข้าว อาหารจานเส้น อาหารจากไข่ อาหารที่ทำด้วยเตาไมโครเวฟ รวมทั้งหมด 70 เมนูด้วยกัน
สำหรับมือใหม่เข้าครัวหรือคนที่ไม่ค่อยมีพื้นที่ครัวให้ทำอาหาร ในหนังสือจะเริ่มต้นด้วยการแนะนำ "อุปกรณ์สำหรับครัวเร่งด่วน" รับรองว่ามีติดบ้านติดห้องไว้ เวลานึกอยากทำอาหารจะได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน ถัดจากอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวก็เป็นพวกส่วนผสมและวัตถุดิบในการทำอาหารที่เราใช้กันเป็นประจำ แต่หลายคนอาจไม่ค่อยรู้ว่าจะต้องเลือกซื้อ จะต้องเก็บรักษาอย่างไรให้ถูกต้อง และแถมแนะนำความแตกต่างของเตาอบและเตาไมโครเวฟ(มันต่างกันนะคะ) ไว้ให้ด้วยอีกต่างหาก
ในส่วนของสูตรอาหารนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเมนูง่ายๆค่ะ ไม่ได้หรูหราอลังการ สามารถหากินกันได้ในชีวิตประจำวัน แต่ก็มีปรับโน่นเติมนี่ให้ดูแปลกใหม่น่ารับประทาน ชอบตรงที่แต่ละสูตรจะมีบอกว่าเป็นอาหารสำหรับกี่คน และใช้เวลาสำหรับเตรียมและทำประมาณกี่นาที แล้วก็จะมี Tip เล็กๆน้อยๆบอกไว้ในหลายๆเมนูเพื่อช่วยให้เราปรุงอาหารได้อร่อยหรือถูกใจเรามากขึ้น รักตรงที่ภาพสวย น่ากิน^^ คือด้วยความที่เป็นหนังสืออาหาร ภาพอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเรา เราเป็นคนนึงที่ถ้าภาพไม่สวย ดูไม่น่ากิน ก็เลือกไปหยิบเล่มอื่นดีกว่า
ในความเห็นเราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ทำมาได้ตอบโจทย์ที่เขาตั้งใจไว้ให้เป็นเมนูง่าย อร่อย สะดวก ส่วนผสมที่ใช้ไม่เยอะ มีวิธีทำที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย จะมีช่วงเมนูที่ชนะเลิศจากการแข่งขัน Quick & Delicious ที่ถูกรวบรวมมาอยู่ในหนังสือด้วยที่อ่านแล้วเราว่าส่วนผสมเยอะ และดูยากไปหน่อย แต่ก็เข้าใจแหละว่าเป็นเมนูประกวด นอกนั้นเมนูส่วนใหญ่ในหนังสือเราว่าน่าจะทำได้ง่ายจริงๆตามที่เขาว่า (เริ่มมีกำลังใจในการทำอาหารแล้ว 55)
ในฐานะที่เป็นมือใหม่ด้านการทำอาหารคนนึงเหมือนกัน รู้สึกชอบหนังสือเล่มนี้และคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับเรา มาลองเปลี่ยนบรรยากาศจากอาหารถุงหรืออาหารสำเร็จรูปมาเป็นทำอาหารรับประทานเองในบางมื้อที่ไม่เร่งรีบกันนะคะ^^
ผอม สวยได้ สไตล์กรุ๊ป A
4
รีวิว
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หนังสือ “ผอมสวยได้สไตล์กรุ๊ป A” เป็นหนี่งในซีรีส์ไดเอ็ตตามกรุ๊ปเลือด ที่ประกอบด้วย 4 เล่ม คือกรุ๊ป A , B , O , AB แปลมาจากผลงานภาษาญี่ปุ่นของคุณนาคาชิมะ ฟูมิยาสึ ซึ่งเป็นถึงผู้อำนวยการศูนย์ไคโรแพรคติกนาคาชิมะ กรรมการสมาคมเวชศาสตร์แบบองค์รวม (ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็ดูน่าเชื่อถือดีทีเดียว) หนังสือเป็นเล่มบางๆ ไม่ถึงร้อยหน้า ราคาเพียง 105 บาท เพราะแยกเป็นกรุ๊ปเลือดมาให้แล้วเสร็จสรรพค่ะ
โดยส่วนตัวเคยได้ยินมานานแล้วว่าคนกรุ๊ปเลือดต่างกันก็มีอาหารที่ควรรับประทานต่างกัน แต่ก็ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจังสักที เล่มนี้น่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาตั้งแต่เริ่มต้น มีตัวหนังสือไม่เยอะมากและมีภาพการ์ตูนประกอบ เริ่มต้นจะแนะนำลักษณะของคนแต่ละกรุ๊ปเลือดรวมๆ แล้วจึงเจาะไปเฉพาะกรุ๊ป โดยจะชี้ให้เห็นว่ากรุ๊ปเลือดกับร่างกายมีความสัมพันธ์กันมากกว่าที่คิด เมื่อกรุ๊ปเลือดทั้งสี่มีลักษณะที่แตกต่างกัน สารอาหารที่เหมาะสมของแต่ละกรุ๊ปเลือดก็จะแตกต่างกันไปด้วย แม้จะกินอาหารเหมือนกัน บางกรุ๊ปเลือด อาจ “เป็นคุณ” ต่อร่างกาย แต่อีกกรุ๊ปเลือดกลับกลาย “เป็นโทษ” ต่อร่างกายไปซะอย่างนั้น แม้แต่การออกกำลังกายก็มีแบบที่เหมาะสมสำหรับคนแต่ละกรุ๊ปเลือดเช่นกัน
จากนั้นหนังสือจะแนะนำคู่มือกินแบบคนกรุ๊ป A โดยจะแนะนำทั้งอาหารที่เหมาะจะรับประทาน (กินแล้วอ้วนยาก) และไม่เหมาะจะรับประทาน (กินแล้วอ้วนง่าย) แยกให้เห็นเป็นหมวดๆพร้อมภาพการ์ตูนประกอบและมีคำอธิบายอีกเล็กน้อย หมวดที่มีก็อย่างเช่น ผัก (ผักที่มีทำให้อ้วนง่ายก็มีด้วย!) เนื้อสัตว์ (เขาบอกว่าคนกรุ๊ปเลือด A มีบรรพบุรุษเป็นชนเผ่ากสิกรรม มักจะย่อยโปรตีนจากสัตว์ได้ไม่ดี ว๊า....แย่จังT_T) ข้าวและธัญพืช น้ำมันและเครื่องปรุงรส เป็นต้น ตามด้วยคำแนะนำวิธีการกินที่เหมาะสมและเอาไปปรับใช้ได้ รวมถึงตัวอย่างเมนูไดเอทพร้อมสูตรการทำ แต่เนื่องจากคนเขียนไม่ใช่คนไทย เมนูอาหารก็อาจจะไม่ใช่แนวเราๆนัก และบทสุดท้ายก็จะแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตไม่ให้เครียด มีท่าออกกำลังกายคลายกล้ามเนื้อแถมมาให้ด้วยอีกเล็กน้อย
โดยรวมๆแล้วก็ถือเป็นหนังสือที่อ่านเพลินๆอีกเล่มหนึ่งค่ะ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะมันเป็นเรื่องของกรุ๊ปเลือดของเราโดยเฉพาะก็เลยรู้สึกใกล้ตัวมาก แต่ในทางปฏิบัติก็รู้สึกยากอยู่เหมือนกัน ก็อาหารบางอย่างที่ไม่ควรรับประทานมันเป็นอันที่เรารับประทานก็อยู่เป็นปกตินี่นา อันนี้ก็คงจะต้องเอาไปปรับใช้ให้อยู่วิสัยที่พอจะทำได้ เป็นการทำให้ผอมแบบไม่ทำร้ายสุขภาพ และเข้าใจถึงระบบของร่างกายแบบสุดๆไปเลยล่ะ!
21 วัน หุ่นเป๊ะได้สไตล์สาวเกาหลี (ไหล่ และ แขน)
5
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เห็นหน้าปกหนังสือสีสดสะดุดตา มีผู้หญิงสวย หุ่นดี หน้าตาเกาหลีๆใส่รูปชุดออกกำลังกายอยู่ที่หน้าปก ชื่อหนังสือ “ 21 วัน หุ่นเป๊ะได้สไตล์สาวเกาหลี” ตอนแรกก็เกือบจะเดินเลยไปไม่ได้สนใจ แต่ก็ทันเห็นคำโปรยที่บรรทัดแรกบนปกของหนังสือว่า “ฟิตหุ่นกระชากวัย โดยเจ้าของฉายา คุณป้าหุ่นเป๊ะวัย 49 ปี” เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าไอ้คนที่อยู่บนหน้าปกอายุ 49 แล้ว ยังสวยเช้งซะขนาดนี้ พอเปิดเข้าไปอ่านบทนำก็เลยรู้ว่าเธอคนนี้ชื่อว่าชองดายอน (Jung Da-Yeon) ปัจจุบันเป็นบิวตี้เทรนเนอร์มืออาชีพผู้โด่งดัง ทั้งเดินสายออกรายการทีวี เป็นวิทยากร และเจ้าของหนังสือขายดีติดเบสต์เซลเลอร์ และเธอก็ไม่ได้สวยพริ้งอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรหรอกนะ เมื่อสิบปีก่อนเธอก็เป็นคุณแม่ลูกสอง ทำงานเป็นแม่บ้าน ซักผ้าทำอาหารให้ครอบครัว และไม่ได้มีความรู้อะไรในเรื่องการออกกำลังกายเลยสักนิด ความบังเอิญทำให้เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายอย่างจริงจังและพบกับพรสวรรค์ในตัวเอง ทุกวันนี้เธอเป็นไอดอลด้านความสวยความงามและสุขภาพทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่น และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นวิธีการบริหารร่างกายเพื่อหุ่นสวยของเธอนั่นเอง
หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนของวิธีบริหารร่างกายช่วงบน (หน้าอก ไหล่ แขน) และร่างกายช่วงล่าง (หน้าท้อง เอว สะโพก ขา) โดยคุณป้าชองดายอนเป็นนางแบบเองทั้งหมด เท่าที่ได้อ่านก็รู้สึกว่าแต่ละท่านั้นไม่ยากเลย! มีการอธิบายประกอบไว้อย่างละเอียด บอกทั้งจำนวนครั้ง จำนวนเซ็ต บอกว่าแต่ละท่าเป็นการบริหารตรงจุดไหน ทั้งยังมีลูกศรที่ภาพเพื่อช่วยให้เราเคลื่อนไหวได้ถูกองศาและทิศทาง และยังบอกจังหวะการหายใจไว้ให้ด้วย
นอกจากนั้น ชองดายอนยังเปิดฟู้ดไดอารี่ไดเอทของเธอ ซึ่งดูราวกันไดอารี่ของผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเลยทีเดียว เธอมีเปรียบเทียบให้เราเห็นว่าเนื้อวัวแต่ละส่วนนั้นให้คุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันอย่างไรบ้าง (เข้าใจว่าคนเกาหลีชอบรับประทานเนื้อก็เลยยกตัวอย่างเป็นเนื้อวัว) เธอยังแนะนำประโยชน์ของผักต่างๆที่เรายอมรับว่ารู้จักแค่เป็นบางชนิด และยังเผยสูตรน้ำผักผลไม้ลดความอ้วนและล้างพิษ บางสูตรอย่างน้ำเลม่อน น้ำแตงกวา น้ำฟักทอง พวกนี้รสชาติน่าจะยังพอไหว แต่พวกน้ำบรอกโคลีกะหล่ำปลี น้ำหัวไชเท้ารากบัว อันนี้เริ่มไม่ไหว (55) ตบท้ายด้วยสูตรอาหารหน้าตาน่ากิน ที่มีวัตถุดิบหลักคือ “เนื้ออกไก่” ที่เต็มไปด้วยโปรตีนและไขมันต่ำ แถมด้วยเคล็ดลับการนวดๆๆๆเพื่อหน้าอกได้รูปสวย ว้าวๆมันยอดมาก!
คุณป้าดายอนบอกไว้ในบทนำค่ะว่าไม่มีปาฏิหารย์สำหรับการลดความอ้วน มีแต่วิธีที่ได้ผล ฉะนั้นถ้าอยากหุ่นเป๊ะเหมือนนางรีบไปหยิบหนังสือแล้วลุกขึ้นมาทำอย่างจริงจังกันเถอะค่ะ!
4
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 23 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ปฏิบัติการอ่านหนังสือยังคงดำเนินต่อไป! คราวนี้เป็นหนังสือเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นชื่อ “กิน ช้อป สะใจในโตเกียว กับสาวญี่ปุ่น ฉบับนั่งรถไฟใต้ดิน” แหม ชื่อยาวจริงๆ แต่พอจะสรุปได้ว่ามันคือ “Tokyo Subway Souvenir Guide” เพราะทั้งของที่กินได้และกินไม่ได้ที่แนะนำไว้ในหนังสือ ส่วนใหญ่จะสามารถนำกลับไปเป็นของฝากคนอื่นได้ โดยจะเป็นของที่คนญี่ปุ่นเขานิยมกันจริงๆ ถ้าอยากจะซื้อหาก็ต้องไปที่ร้านนั้นๆ ไม่ใช่จะหาซื้อตามร้านขายของฝากได้ จึงรับรองว่าไม่ใช่อารมณ์นักท่องเที่ยวต้องซื้อโตเกียวบานาน่ากลับมาแน่ๆ ที่สำคัญอีกอย่างคือผู้ถ่ายทอดเรื่องราวเป็นคนญี่ปุ่นขนานแท้ชื่อว่าคุณ Miki iTo จึงเชื่อได้ว่าซอกแซกได้ถึงแก่นโตเกียวแน่นอน
ตามชื่อหนังสือว่านี่เป็นการเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน หนังสือจึงเริ่มแนะนำให้รู้จักตั้งแต่เส้นทางเดินรถ แนะนำความคุ้มค่าสุดๆกับัตรโดยสารแบบ 1 วัน ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ไม่อั้นในโตเกียวที่มีสถานีรถไฟใต้ดินถึงกว่า 200 สถานี! ระบบคมนาคมอันสะดวกสบายนี้มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1927 นู่น และได้รับการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆจนเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ละบทในหนังสือจะแนะนำแต่ละย่านของเมืองโตเกียว โดยจะแนะนำร้านที่น่าสนใจ พร้อมภาพประกอบเป็นภาพวาดสินค้าสวยๆ ซึ่งวาดออกมาได้ดูน่ารักมากๆ ในส่วนของของกินก็จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม และร้านเบเกอรี่สไตล์ฝรั่ง ส่วนของใช้ต่างๆก็มีหลากหลาย ทั้งพวกงานฝีมือ ของใช้ เครื่องประดับ เครื่องเขียน ร้านขายของที่ระลึก พวกงานแฮนด์เมดลายสวยๆ ดูดีตั้งแต่แพคเกจจิ้งนั้นน่าซื้อมาก คือเขาให้ความสำคัญตั้งแต่แพคเกจที่ใส่ เหมือนเป็นคุณค่าทางใจอย่างหนึ่งเลย
นอกจากนั้นหนังสือยังบอกว่าแต่ละสถานีว่าควรออกที่ทางออก (EXIT) ไหน เพื่อให้เราไม่ต้องเดินไกลหรือเกิดอาการงงๆหลงๆ ท้ายบทจะมีแผนที่ค่อนข้างละเอียด ระบุพิกัดของร้านที่อยู่ในย่านเดียวกันเอาไว้ มีข้อมูลอื่นๆอันได้แก่ สินค้าแนะนำของร้านพร้อมราคา ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เวลาทำการ และวันหยุด
ท้ายเล่มเขามีการจัดดัชนีตามความชอบไว้ด้วย แบ่งเป็นหมวดให้เราดูง่ายๆ เช่น หมวดของฝากให้ลูกค้า หมวดนั่งพักผ่อนสบายๆ หมวดฝีมือช่างในตำนาน หมวดกินเล่นยามบ่าย เป็นต้น ค่ะ
โดยส่วนตัวเห็นว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการไปญี่ปุ่นเพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นจริงๆ ไปเที่ยว ไปกิน ไปซื้อของแบบที่คนโตเกียวโดยทั่วไปเขาทำกัน มากกว่าจะมุ่งไปตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังตามที่กรุ๊ปทัวร์แนะนำ ซึ่งนอกจากเล่มนี้ทางสำนักพิมพ์ยังได้ออกหนังสือ “กิน ช้อป สะใจในโตเกียว กับสาวญี่ปุ่น ฉบับนั่งรถไฟสายยามาโนเตะ” ออกมาอีกเล่มหนึ่งด้วย สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตนเองแบบสะดวกปลอดภัย และได้สัมผัสอารมณ์ญี่ปุ่นจริงๆ น่าจะลองหาทั้งสองเล่มนี้มาอ่านกันดูนะคะ
3
โดย: hikari วันที่เขียนรีวิว: 23 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่องสิวนี่ใครไม่เคยเป็นไม่มีวันเข้าใจจริงๆค่ะ จากประสบการณ์ตรงที่เราเคยเป็นสิวแบบผุดขึ้นมาไม่หยุดไม่หย่อน เดินไปไหนก็มีแต่คนทัก คือเข้าใจนะว่าทักด้วยความเป็นห่วง แต่อารมณ์ตอนนั้นมันรู้สึกว่าไม่ต้องทักจะดีกว่านะ (55) เพราะมันทั้งอายทั้งเครียด เป็นสิวไม่เหมือนกับปวดหัว ไม่ใช่กินยาสองเม็ดแล้วหาย การรักษาสิวต้องใช้เวลา และการรักษารอยและหลุมสิวยิ่งต้องใช้เวลามากกว่า (เศร้าจริงๆ)
ตอนที่เป็นสิวเยอะๆก็เลยอยากหาความรู้เกี่ยวกับสิวค่ะ อารมณ์ประมาณว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง (55) มาเจอหนังสือ “สิว solution” เล่มนี้ดูน่าเชื่อถือดีเพราะเขียนโดยแพทย์เฉพาะทาง โดยหนังสือจะเริ่มตั้งแต่พื้นฐานคือให้เรารู้จักปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว ประเภทของสิวมีอะไรบ้าง มีกี่ระดับความรุนแรง คุณหมอผู้เขียนเขามีแบบทดสอบง่ายๆให้เราทำด้วยเพื่อจะทำให้เรารู้ว่าสภาพผิวหน้าของเราเป็นแบบไหน (ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม) ซึ่งเราต้องรู้ไว้ เพราะขั้นตอนการดูแลผิวแต่ละแบบจะไม่เหมือนกัน
ส่วนบทที่ว่าด้วยเรื่องยารักษาสิว จะแบ่งเป็นบทยาทากับยากินค่ะ ก็จะมีการให้ข้อมูลกระบวนการทำงานของยาพวกนี้ ชี้ให้เห็นว่ายาแต่ละตัวจะช่วยให้หน้าของเราดีขึ้นได้อย่างไร และบอกวิธีการใช้ยาแต่ละตัวอย่างถูกต้อง ซื้ออันหลังนี่สำคัญมาก เพราะคนเป็นสิวส่วนใหญ่จะใจร้อน อยากให้หายเร็วๆ เขาให้ทาบางๆก็จะไปโปะให้มันหนาๆ เขาให้ทาทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก ก็ขอทิ้งไว้สัก 30 นาทีค่อยล้างแล้วกัน ตัวยามันได้ซึมเข้าไปเยอะๆ ซึ่งนี่เป็นพฤติกรรมที่ผิด เพราะจะเป็นการรบกวนผิวหน้า (ที่อ่อนแออยู่แล้ว) เข้าไปอีก เมื่อผิวถูกทำให้ระคายเคือง คราวนี้หน้าก็จะยิ่งเห่อไปกันใหญ่ ยาที่คุณหมอแนะนำจริงๆก็เหมือนกับยาในคลินิกนี่แหละคะ เพียงแต่แพคเกจจิ้งของแต่ละที่มันจะแตกต่างกันไป เราก็จะได้รู้ว่ายาตัวนี้เอาไว้ทำอะไรๆ ยาบางตัวควรใช้เดี่ยวๆ ยาบางตัวควรใช้ควบคู่กัน ซึ่งเท่าที่ดูยาทุกตัวก็ล้วนมีผลข้างเคียงทั้งนั้นค่ะ เช่น อาการผิวแห้งลอกเป็นขุย แดงแสบ ไวต่อแสงแดด ถ้าเป็นยากินก็จะจะมีผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่า เช่น คลื่นไส้ อาเจียน คันบริเวณช่องคลอด (ว้าย!) บางคนถึงขั้นซึมเศร้าก็มี ในส่วนของการใช้ยาแบบรับประทานนี้คุณหมอผู้เขียนแนะนำว่าควรต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์นะคะ
นอกจากเรื่องสิวๆแล้วคุณหมอยังได้แนะนำเกี่ยวกับการทานอาหารเสริมและการทำทรีทเมนต์ไว้ด้วยค่ะ คนที่เคยไปรักษาหน้าตามคลินิกคงจะเคยถูกเสนอขายคอร์สทรีทเมนต์โน่นนี่นั่นใช่ไหมล่ะคะ คุณหมอก็จะให้ข้อมูลว่าทรีทเมนต์แต่ละตัวมันมีประโยชน์อย่างไร เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนจะควักเงินในกระเป๋าค่ะ
โดยรวมๆหนังสือเล่มนี้จะเน้นการให้ข้อมูลเบื้องต้นค่ะ หนุ่มสาวคนไหนสนใจลองหามาเก็บไว้เป็นคู่มือสู้สิวนะคะ
www.batorastore.com © 2024